ข่าวสาร Altcoins

เหตุใด INTCoin ถึงอ้างตัวเองว่าเป็นรุ่นถัดไปของเงินดิจิตอล

ทีมนักพัฒนาระดับนานาชาติได้ประกาศว่าพวกเขาเปิดตัวเงินดิจิตอลสกุลใหม่ในวันที่ 7 มิถนายน หลังจาก การเปิดขายก่อนกำหนด ซึ่งเคลมว่าถูกออกแบบมาเพื่อการทำธุรกรรมที่ไม่สามารถติดตามและไม่ระบุตัวตนแก่ผู้ใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
INTCoin อ้างว่าจะเป็นรุ่นถัดไปของเงินดิจิตอลที่มีพื้นฐานจากบล๊อคเชน ที่ใช้ข้อได้เปรียบของเทคโนโลยีบล๊อคเชนที่ให้ความปลอดภัยและไม่เปิดเผยตัวตนแก่ผู้ใช้ ด้วย 50 ทรานแซคชั่นใน 1 วินาที
Alessio Evers ผู้พัฒนาหลักของ INTCoin ได้ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่าเหตุใดถึง INTCoin ถึงถูกสร้างขึ้นมา

“เราคิดว่าความปลอดภัยคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของเงินดิจิตอล แต่มีโปรเจคอื่นๆอีกมากมายที่ให้บริการแก้ไขปัญหาที่ไม่มีอยู่จริงและละเลยสิ่งนี้ไป” Alessio กล่าวว่า “จากมุมมองของเรา เราคิดว่าข้อมูลการชำระเงินส่วนตัวของผู้ใช้ จะต้องเป็นส่วนตัวในทุกๆด้าน”

ก่อนที่ INTCoin จะเปิดตัว ทีมได้จัดการขายก่อนกำหนดถึงสามครั้ง ครั้งแรกได้จบแล้ว ขณะที่ครั้งที่สองเพิ่งจะจบลงเมื่อ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมานี้ และครังที่สามจะจบลงเมื่อ 5 มิถุนายน ในขณะที่รายงานข่าวเหรียญ cryptocurrency อยู่นี้ เหรียญ INTCoin ได้ถูกซื้อไปแล้ว 1,701,874.45 เหรียญ ในราคา 2799 INT ต่อ 1 BTC

ไม่เปิดเผยอย่างสมบูรณ์

ในระหว่าช่วงการขายก่อนกำหนด ทีมหวังว่าจะขายได้ประมาณ 5 ล้านเหรียญ ซึ่งเงินที่ได้จากการขายก่อนกำหนดจะนำไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีตอนที่เปิดตัวและเพื่อพัฒนาทีม

หนึ่งในจุดขายที่ผู้สร้าง INTCoin เน้นถึงคือ AniNote protocol ซึ่ง Alessio กล่าวว่า มันคือเวอชั่นที่ถูกปรับปรุงของ CryptoNote protocol ซึ่งมีฟังชั่นที่ช่วยให้เหรียญคริปโตที่ถูกขุดออกมานั้นมีความไร้ตัวตนโดยสมบูรณ์ในแบบที่มันควรจะเป็น

ยังมีเหรียญคริปโตอีกเหรียญนามว่าMonero ซึ่งขยายตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่การพัฒนา หนึ่งในเงินดิจิตอลที่ใช้ CryptoNote รวมถึง Dash
Monero ซึ่งถูกคิดว่าว่าเป็นที่นิยมในวงการเงินดิจิตอลเพราะมันมี feature ความเป็นส่วนตัวที่เฉพาะตัวที่ทำให้ไร้ตัวตนโดยสมบูรณ์และแทบจะไม่สามารถติดตามได้ อย่างไรก็ตามการอัพเดทลายเซ็นใน CryptoNote Protocol ทำให้ ความเป็นไปได้ในการระบุตัวตนผู้ใช้งานบน AniNote นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

จากการสัมภาษณ์ของ Cointelegraph กับนาย Mikhael Klirond จาก INTCoin บอกว่าเงินสกุลนี้แตกต่างจากเงินสกุลอื่นอย่าง Monero เพราะมันใช้ประโยชน์จากลายเซ็นต์หลายช่อง (multichannel signature)

“ระบบ multichannel signature ทำให้ node หลายๆตัวสามารถทำงานร่วมกันได้สำหรับการผสมเหรียญ อีกทั้งยังสามารถผสมผสานขั้นตอนที่ซับซ้อนในการช่วย sign ให้ผู้ใช้งานแค่คนเดียว”
Mikhael บอกว่า “ความเจ๋งของมันคือมันสามารถทำให้ระดับของการผสมเหรียญอยู่ในระดับสูงสุด โดยมี node หลักๆอีกหลายๆตัวมาทำงานด้วย”

ความคุ้มค่าสำหรับผู้ขุดและความง่ายต่อผู้ใช้

ในขณะที่มีเหรียญ altcoins อยู่มากมายบนตลาดแล้ว ทีมของเขากำลังทำงานและวางแผนการเปิดตัวของ INTCoin อย่างจริงจัง และเชื่อว่าผลงานของเขาจะมอบความสะดวกสบายและการเข้าถึงสำหรับผู้ใช้และผู้ขุดตามแบบที่พวกเขาต้องการ

ทีมที่จัดตั้งขึ้นโดยนักพัฒนามากมายที่มีประสบการณ์ในการให้บริการเทคโนโลยีทางการเงินแก่วงธนาคารเอกชนในเอเชียตะวันออก พวกเค้าวางแผนที่จะใช้วิธีในการเพิ่มมูลค่าของเหรียญโดยการผสมผสานระหว่างอัลกอริทึ่ม proof-of-stake (PoS) และ proof-of-work (PoW) ที่สอดคล้องกันในการมอบ reward ที่เหมาะสมแก่ผู้ขุดโดยทุกๆบล๊อคจะถูกสร้างทุกๆ 45 – 55 วินาที

ทีมพัฒนาพยายามทำให้ process ในการกลายเป็นผู้ถือ proof-of-stake หรือ POS holder ให้ง่ายขึ้นโดยการลดข้อบังคับในการถือเหรียญลง นอกจากนี้ยังเชื่อและหวังว่าสกุลเงินที่ไม่เปิดเผยตัวตนจะดึงดูดผู้ใช้ที่เสาะหาความเป็นส่วนตัวในการใช้เงินดิจิตอล และนั่นจะช่วยเพิ่มมูลค่าของมัน

ตามข้อจำกัดของ INTCoin หลังจาก 70 ปีผ่านไปจะมีเหรียญออกมาประมาณ 91 ล้านเหรียญ นาย Mikhael อธิบายว่า รางวัลของ ผู้ขุดแบบ PoW จะมีประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์หรือ 42.7 ล้านเหรียญ งบประมาณตั้งต้นจะเป็น 4.5 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเหรียญทั้งหมดและการเพิ่มงบประมาณจะทำให้มันกลายเป็น 8.5 เปอร์เซ็นต์

ตามที่ Mikhael บอกนั้น เหรียญที่ออกมาจะลดลง 3 เปอเซ็นทุกๆ 180 วันและ 5.9 เปอเซ็นต่อปี

“การลดรางวัลอย่างอัตราคงที่เป็นรูปแบบที่ดึงดูดทั้งผู้ขุดและผู้ถือ” เขากล่าว “มันจะทำให้ง่ายขึ้นในการที่จะทำนายความน่าจะเป็นของรางวัลสำหรับผู้ขุดหนึ่งคนและจะไม่มีความไม่สมดุลหรือการรวมศูนย์กลาง (Centralized) ในการขุดหลังจากการแบ่งรางวัล หรือการลดรางวัลแบบปุปปัปในแต่ละช่วง ”

ไม่มีปัญหาเรื่องความยืดหยุ่น

ต่างจากบิทคอยน์ที่ขณะนี้กำลังมีปัญหาเรื่องความยืดหยุ่นที่ทำให้ ชุมชนแตกความเห็นเป็นสองด้าน INTCoin จะไม่มีปัญหานี้ในอนาคต INTCoin เข้าใจถึงปัญหาความยืดหยุ่นของบิทคอนย์ที่พยายามเพิ่มปริมาณการทำธุรกรรมในเน็ตเวิร์คไปสู่ 42-50 ธุรกรรมต่อวินาที Klirond กล่าว

“ในช่วงหลายปีถัดไปของการพัฒนา INTCoin พวกเราไม่จำเป็นต้องขยายขนาดของเน็ตเวิร์ค โดยการทำ sidechains เพิ่มขนาดบล๊อค ใช้ช่องทางในการชำระเงิน หรือวิธีใดๆเลย” เขากล่าว